เช้านี้ตื่นกันประมาณแปดโมงครึ่ง ไม่ต้องรีบร้อนเพราะไม่มีรายการเที่ยวอะไรพิเศษหลักๆคือการย้ายไปยังเป้าหมายต่อไป เราจัดการอาหารเช้ากันแบบง่ายๆ เสร็จแล้วก็เก็บสัมภาระไปใส่รถ หน้าที่นี้ยกให้บาร์ทไป ส่วนฉันก็มาทำความสะอาดบ้าน เช่น ดูดฝุ่น ทำความสะอาดห้องน้า ไม่ถึงขนาดให้เอี่ยมอ่องหรอก แค่ไม่ให้ดูน่าเกลียดก็พอใช้ได้แล้ว ส่วนมากบังกาโลในยุโรปมักจะตั้งกฎนี้ไว้เสมอ หากไม่ทำแล้วทิ้งความเละเทะเอาไว้ก็จะจะโดนปรับ สำหรับที่นี 90 ยูโรเชียว ถ้าไม่อยากทำและไม่อยากโดนปรับ ก็ระบุไว้ตอนจองทัวร์แล้วก็จ่ายค่าทำความสะอาดไว้ 60 ยูโรก็ได้ แต่สำหรับฉัน เรื่องแค่นี้ไม่เห็นจะต้องไปเสียเงิน ทำเองดีกว่าไม่ได้สกปรกอะไรมากมาย ที่สำคัญประหยัด
หลังจากสำรวจตรวจตราความเรียบร้อยแล้ว เก้าโมงสี่สิบห้าเราก็เริ่มเดินมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านเล็กๆที่ชื่อว่า Vuokatti ที่พักแห่งใหม่กันได้ซะที เส้นทางที่เราจะใช้คือ Jyväskylä -Kuopio - lisalmi - Kajaani - Stok- Vuokatti
ระหว่างทางเราแวะกินอาหารกลางวันกันที่ ABC เป็นซุปเปอร์มาเก็ตและศูนย์อารหารตลอด 24 ชั่วโมง มีอาหารแบบบุปเฟต์ มีอาหารตามสั่งด้วย ฉันเลือกแบบตักตามสบายดีกว่า จะได้กินหลายๆอย่าง ตักข้าวผัดมา 1 จาน ตักหมูอบ 1 จานเล็ก และสลัดอีก 1 จาน น้ำส้ม 1 ขวด ทั้งหมดนั่นเป็นของฉันกับมิเชลเลอร์ ส่วนบาร์ท อยู่ได้ด้วยกาแฟกับขนมปัง 1 ชิ้น รวมกันแล้วแค่ 11.50 ยูโรเอง ค่าอาหารที่นี่เผลอๆจะถูกกว่าเนเธอร์แลนด์ซะอีก
ตั้งแต่มานี่ฉันประทับใจกับศูนย์อาหารระห่างทางมากๆ รู้สึกว่าเค้าใส่ใจกับนักเดินทางทุกวัย ที่สำคัญกับเด็กๆ เช่น จัดพื้นที่สำหรับเด็กๆได้นั่งกิน เสร็จแล้วก็ยังมีที่เล่นให้ด้วย แม้กระ ทั่งห้องน้ำ ก็ยังมีที่เฉพาะให้เด็กๆเป็นตัวตุ๊กตาน่ารักๆอีกต่างหาก มิเชลเลอร์จึงไม่เคยเบื่อกับการเข้าห้องน้ำระหว่างทางเลย เรียกว่าไปแวะที่ไหนเธอก็จะขอแวะดูห้องน้ำทุกที่ไป บางทีไม่ปวดก็ต้องเข้า เพราะจะไปดูตุ๊กตาในห้องน้ำนั่นเอง นอกจากนั้นก็ยังเอาใจคนรักหมาอีกด้วยนะเออ ตรงลานจอดรถจะมีที่ไว้สำหรับบรรดาหมาๆทั้งหลาย มานั่งรอ หรือพักให้น้ำให้ท่ากันด้วย ลักษณะคล้ายๆห้องแถว แบ่งเป็นล๊อคๆ ห้องใครห้องมัน เพื่อว่าตัวไหนเกิดไม่ชอบหน้ากันจะได้ไม่ต้องเห็นหน้ากันไง ฮ่าๆๆ
หลังจากได้พักและเพิ่มพลังกันแล้ว เราก็ออกเดินทางกันต่อ วันนี้ท้องฟ้าสดใส มึดครึ้มเป็นครั้งคราว แต่ที่ขาดไม่ได้คือ กลุ่มเมฆที่จับตัวเป็นกระจุกๆ กระจายอยู่เต็มท้องฟ้า สวยงามจริงๆ ถนนหนทางโล่งมากๆ นานๆจะมีรถวิ่งสวนมาสักคัน ก็ดีไปอย่าง เวลาถ่ายรูปจะได้ไม่มีอะไรมาบดบัง
ระหว่างทางเราแวะเมือง Kuopio กันเล็กน้อย เมืองนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ช่วงก่อนเข้าตัวเมืองนั้น จะเห็นบ้านไม้กะทัดรัด น่ารักปลูกเรียงรายเป็นระยะ พอเริ่มเข้าไปในตัวเมืองก็จะเป็นอพาร์ตเมนต์แบบสมัยใหม่ แต่ก็ยังมีบางส่วนที่คงรูปแบบไม้ไว้ เราไม่ได้ดูอะไรมากที่นี่ เพียงแค่เดินเล่นไปเรื่อยๆ ผู้คนไม่มากนัก เพราะเป็นวันอาทิตย์ ร้านรวงปิดกันหมด ได้ไปแวะโบสถ์ ซึ่งอยู่ใกล้กับแม่น้ำ ตัวโบสถ์สวยสง่า ด้านหน้าเป็นสวนสาธารณะเล็กๆ มีทางลาดชันนำไปสู่ตัวโบสถ์ สวยมาก ส่วนภายในดูเรียบง่าย ไม่เริดหรูอลังการ ส่วนตึกที่เรียงรายด้านข้างโบสถ์ ก็คล้ายๆกับอาคารในปราสาทเทพนิยาย ในซอกทางเดินแคบๆหลังตึกนั้นฉันพบว่ามีร้านอาหารจีนแทรกตัวอยู่ด้วย ดูซิ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ยังได้เจอคนจีนแทรกตัวอยู่เสมอ
จากเมืองนี้เราก็มุ่งหน้าตรงไปเมืองที่เราจะพักกันเลยโดยไม่แวะที่ไหนอีก ประมาณห้าโมงเย็นเราก็มาถึง ที่พักคราวนี้เป็นแบบบ้านแถวชั้นเดียว แต่มีชั้นลอย เอ๊ะ ยังไง คือไอ้ชั้นลอย น่ะมันคือที่นอน ดูแล้วก็น่ารักดี แต่ไอ้ที่ไม่ดีก็ตรงเวลาจะนอนนี่แหละต้องไต่บันไดแบบชันๆขึ้นไป จริงๆแล้วก็เป็นที่ถูกอกถูกใจของมิเชลเลอร์เค้าล่ะ ขึ้นๆลงๆ สนุกมาก แต่เราหัวใจจะวาย กลัวเค้าจะพลาดหล่นตุ๊บลงมา เฮ่อ ส่วนอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านครบกครัน ที่ขาดไม่ได้ก็ซาวน์น่า ถูกใจมั่กๆ
หลังจากเก็บของเข้าบ้านเสร็จ เราก็ออกไปสำรวจรอบๆที่พักกันซะหน่อย รีสอร์ตนี้ตั้ง อยู่ริมทะเลสาบ เสียดายห้องเราไม่ได้อยู่ด้านหน้า แต่ก็ไม่ถึงกับห่างมาก เดินไม่กี่นาทีก็ถึงด้าน หน้าแล้ว ตรงด้านหน้ามีศาลารูปแบบคล้ายๆกระโจมไว้ให้สำหรับมาสังสรรค์ ทำบาบีคิวกันได้ด้วย มีเตาและฟืนไว้เพียบพร้อม น่าสนุกจริงๆ ยามเย็นปิ้งไป กินไป ชมพระอาทิตย์ลับฟ้าที่ริมทะเลสาบ นั่นคือความฝัน แต่ความจริงคือ วันนี้เรากินกันแบบตามมีตามเกิด เนื่องจากฉันเหนื่อย เอ้อ ขี้เกียจอ่ะนะ ก็เลยเอาข้าวที่เหลือจากเมื่อเช้า ที่ตั้งใจเอามากินกลางทาง แต่ก็ไมได้กิน จะทิ้งก็เสียดาย มันยังไม่บูดนี่หว่า ก็เลยเอามาทำข้าวผัดซะเลย ใส่ทุกอย่างที่เหลือๆเข้าไป เป็นต้นว่า หอมใหญ่ มะเขือเทศ แฮม แล้วก็ไข่ทอด แค่นี้เราก็สามคนก็อิ่มและประหยัดไปด้อีกมื้อนึงแล้ว
ก่อนเข้านอนเราไปเอาโปรแกรมกิจกรรมจากรีสอร์ตมาดู มีหลากหลายมาก เช่น ไปซาฟารีเพื่อซุ่มดูหมี ต้องค้างในที่ซุ่มดูด้วยหนึ่งคืน น่าสนนะ แต่ราคาคนละ 130 ยูโร แพงไปหน่อย แถมไม่รับประกันว่าหมีมันจะออกมาเพ่นพ่านให้ดู อีกอย่าง การซุ่มดูจะต้องเงียบมาก ข้อนี้ลืมไปได้เลยที่จะมาให้มิเชเลอร์เงียบเสียง งานนี้ดูแล้วถ้าจะเสียเงินฟรี เลยขอผ่าน กิจ กรรมต่อไปก็คือการไปดูฟาร์มกวาง อันนี้ก็ผ่าน เพราะไว้รอไปดูตอนไปถึงแลปแลนด์ดีกว่า นอกนั้นก็มีพายเรือ ตกปลา จนมาถึงไปฟาร์มสุนัขฮัสกี้ (Husky) ก็คือเจ้าหมาพันธ์ที่ใช้ลากเลื่อนที่เราเห็นในหนังนั่นแหละ อันนี้เข้าท่า เพราะให้เราได้นั่งและหัดขับที่ลากเลื่อนด้วยตัวเองกันด้วย มิเชลเลอร์รู้ก็ตื่นเต้น ตกลงเราเลือกไปฟาร์มเจ้าฮัสกี้ในวันถัดไป วางแผนกันเรียบร้อย ก็ส่งมิเชลเลอร์เข้านอน ส่วนฉันก็ไปรีแลกซ์ในห้องซาวน์นา สบายจริงๆ ส่วนพรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวเมือง Kajani ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่
มีอะไรมาให้ดูและทายเล่นๆก่อนจบ แต่ไม่มีรางวัล อิอิ
เอ ทำไมข้างในเป็นแบบนี้ล่ะ แล้วจะแช่ของได้ไงน้อ
ติ๊กต่อกๆๆๆๆ
...
...
...
...
...
...
มันแช่ของไม่ได้แน่ๆ เพราะมันไม่ใช่ตู้เย็น แต่มันคือที่เห็นตามภาพนี่เลยค่า
มันคือตู้อบเสื้อผ้านั่นเองค่า ซักเสร็จแล้วก็เอามาผึ่งไว้ในนี้ (เครื่องซักผ้าเค้าก็มีให้นะ สบายจิงๆ) จัดการปิดประตูซะ เปิดสวิสเดินเครื่อง แล้วมันก็จะทำงานให้เอง โหย เจอครั้งแรกเราก็งงๆ มันอะไรกันว้า ก็ไม่เคยเห็นนี่นา นี่ล่ะนะ ข้อดีของการไปเที่ยว นอกจากจะได้ความเพลิดเพลิน ยังเป็นการเปิดหูเปิดตา ได้เห็นในสิ่งที่เราไม่มีอีกด้วยน้า แต่วันนี้จบแค่นี้ก่อนนะ มีเวลาแล้วมาเขียนต่อค่า