25 November 2009

เที่ยวฟินแลนด์ ตอนที่ 6 Sotkamo - Kajaani

Day 7 5/06/06 เที่ยวใกล้บ้านที่เมือง Sotkamo แล้วต่อด้วยเมือง Kajaani ต่อด้วยขับรถชมวิวเรื่อยเปื่อย หลงทางไปเจอหมู่บ้านที่มีแต่บ้านน่ารักๆ

มาเล่าเรื่องเที่ยวฟินแลนด์ต่อหลังจากที่หายไปซะนาน ความเดิมตอนที่แล้วนั้นเราเดินทางมายังที่พักแห่งใหม่ซึ่งเป็นแห่งที่สองของทริปนี้ ดังนั้นในวันนี้จึงเป็นวันแรกที่จะออกสำรวจพื้นที่แถวนี้กัน

เมื่อคืนนอนนี้เรานอนหลับสบายมากๆเลย เพราะก่อนนอนไปอบซาวน่า โฮ๊ะๆชักติดใจอยากจะมีเป็นของตัวเองมั่งแล้วสิ (ได้แค่คิดไปก่อน ยังไม่มีปัญญา) ขนาดว่าหลับสบายนะ แต่ก็ยังอุตส่าห์ตื่นมาตีสาม แต่พอมองออกไปข้างนอก โหย มันสว่างเหมือนเก้าโมงเช้าเลยอ่ะ นึกไปนึกมาที่ไหนๆในโลก มันก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย ไม่มีที่ใดจะสมบูรณ์ไปทุกอย่างหรอก ที่นี่ถึงจะสวยในหน้าร้อน แต่ช่วงกลางวันยาวมาก เที่ยงคืนแล้วยังไม่อยากจะมืดเลย ทำให้นอนไม่ค่อยเต็มที แต่พอหน้าหนาวก็หนาวสุดๆ มีแสงแดดแค่สามสี่ชั่วโมงเอง ไปไหนมาไหนก็ต้องห่อตัวเป็นตัวหนอนเดินได้ นอนคิดไปคิดมาจนเผลอหลับไปได้อีก ตื่นมาอีกทีก็แปดโมงกว่าๆ มาจัดการอาหารเช้าเสร็จก็ออกเที่ยวกันต่อทันที

หลังจากเมื่อวานเราขับรถกันมาทั้งวัน วันนี้ก็เลยกะว่าจะไม่ไปไหนไกล เอาแค่ใกล้ๆที่พักก็แล้วกัน โปรแกรมวันนี้คือเที่ยวเมือง Sotkamo เมืองที่เราพักนี่แหละ แล้วก็เมือง Kajaani ที่ห่างไปแค่ 40 กิโลเมตรเท่านั้นเอง ตอนออกเดินทางเริ่มมีละอองฝนโปรยปรายลงมา อ่าอย่าตกแรงแล้วกัน ไม่งั้นเคืองเชียว โชคดีที่ฝนโปรยไม่นาน แต่ที่แย่คือฟ้าเลยไม่สวยเหมือนเดิม

เราออกจากที่พักเลยหมู่บ้านมาได้นิดหน่อย ก็เจอกับโบสถ์ไม้ประจำเมือง ตั้งโดดเด่นท่ามกลางต้นสนสูงชะ ลูด ตัวโบสถ์ดูเรียบง่าย สะกิดต่อมอยากรู้อยากเห็นของเราขึ้นมาอีกแล้ว ข้างในจะสวยมั๊ยนะ ก็เลยขออนุ ญาตคนขับรถวิ่งลงไปดูนิดนึง มันเหมือนโรคจิตนะ คืออยากรู้อยากเห็นไปซะหมด ข้างในเงียบไม่มีใครเลย ดีเหมือนกันจะได้ดูอย่างสบายๆไม่ต้องกลัวว่าจะรบกวนใคร คงเป็นโบสถ์สร้างใหม่ เห็นได้จากภาพวาดตามผนังที่ยังสดใสอยู่ ตรงแท่นพิธีมีเพียงภาพวาดสีน้ำมันเกี่ยวกับศาสนาอยู่ตรงกลาง รายล้อมด้วยภาพบรรดาสาวก มีความเรียบง่าย ไม่ตกแต่งอลังการเหมือนโบสถ์ในยุโรปทั่วไป เก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกสองสามภาพ แล้วก็รีบกลับมาที่รถ ไม่งั้นคนรอจะหงุดหงิดได้

หน้าตาโบส์ด้านนอก


ภายใน


ภายใน


Kajaani

จากนั้นก็มุ่งหน้าไปเมือง Kajaani ระหว่างทางก็ผ่านทะเลสาบน้อยใหญ่มาเป็นระยะๆ เมืองนี้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวกะเค้าเหมือนกันนะ เพราะว่ามีเกาะ Manamansalo เป็นเกาะที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดีเพราะมีหาดทรายยาวถึง 7 กิโลเมตร อยู่ในทะเลสาบ Oulujärvi

ตามประวัติบอกว่า เมืองนี้เคยถูกสวีเดนแข้าครอบครองในปี 1651 มีหลักฐานที่พอหลงเหลือให้เห็นคือ ซากกำแพงเมืองเก่าของปราสาทที่สร้างโดยพระเจ้า Karl ที่ 4 แห่งสวีเดน ซึ่งอยู่ที่เกาะ Linnasaari ที่เป็นเกาะกลางน้ำใกล้ๆใจกลางเมืองนั่นเอง และถูกทำลายโดยรัสเซียในปี 1716

นอกจากนั้นยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีการส่งออกน้ำมันถ่านหินที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปอีกด้วย ในช่วงซัมเมอร์จะมีการแสดงเกี่ยวกับการลำเลียงขนส่งถ่านหินโดยเรือเก่าแก่ในคลอง Ämmäkoskiteer ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญในการขนส่งถ่านหินที่สำคัญอีกด้วย

เมื่อรถเริ่มเข้าใกล้ตัวเมือง Kajaani นั้น เรายังไม่เข้าเมืองซะทีเดียว แต่ขอแฉลบไปดูโบสถ์ที่อยู่ใกล้ๆก่อน (อีกแล้วครับท่าน) นั่นคือโบสถ์ Kajaani Church เป็นโบสถ์ไม้สไตล์นีโอโกธิค สร้างในปี 1897 ออกแบบโดย Jac Ahrenberg ซึ่งสร้างขึ้นแทนที่โบสถ์เดิมซึ่งถูกทำลายโดยรัสเซียในปี 1716 จากนั้นก็ได้มีการสร้างขึ้นใหม่เป็นครั้งที่ 2 พอใช้งานมาได้ประมาณ 160 ปี ก็ถูกรื้อถอนแล้วสร้างใหม่คือโบสถ์ที่เห็นในปัจจุบันนี้นั่นเอง

Kajaani Church


ภายใน


ภายใน


ตัวโบสถ์ด้านนอกดูๆไปแล้วจะว่าคล้ายๆบ้านทรงไทยของเราก็น่าจะได้ เพราะมียอดจั่วแหลมๆ แกะสลักคล้ายๆกัน ภายในโดยรวมดูแล้วสวย มีโคมไฟห้อยระย้าตรงกลาง ช่วยให้ดูเด่นยิ่งขึ้น ตรงแท่นบูชาดูเรียบง่าย มีเพียงภาพวาดเกี่ยวกับศาสนาประดับอยู่ตรงกลาง ด้านในมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ เดาว่าน่าจะเป็นนักศึก ษาเพราะดูยังเป็นวัยรุ่นอยู่เลย เข้ามาสอบถามว่าต้องการให้เล่ารายละเอียดหรือไม่ ใจจริงอยากเดินดูเอง แต่ไม่อยากให้เค้าเสียน้ำใจก็เลยตกลง รู้สึกว่ารัฐให้ความสำคัญกับโบสถ์หลายๆแห่งมาก เพราะเท่าที่ไปดูมาเกือบทุกโบสถ์ จะมีเจ้าหน้าทีซึ่งเป็นคนหนุ่มสาวคอยให้ความรู้แก่คนที่เข้าเยี่ยมชมด้วย

ด้านข้างโบสถ์นั้นเป็นสวนสาธารณะเล็กๆ ตรงกลางมีประติมากรรมตั้งเด่นอยู่ สร้างเพื่อเป็นที่ระลึกให้กับประธานาธิบดี Urho Kaleva Kekkonen ซึ่งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 8 ของฟินแลนด์ ผู้อยู่ในตำแหน่งนี้นานถึง 25 ปี ตั้งแต่ปี 1956 ถึง 1981 และได้ชื่อว่าอยู่ในตำแหน่งนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของฟินแลนด์เลยทีเดียว เหตุทีมีประติมากรรมของเค้าที่นี่ ก็เพราะว่าตอนเด็กนั้นเค้าเคยอยู่และเรียนหนังสือที่เมืองนี้นั่นเอง

ประติมากรรม


ถัดจากประติมากรรมนี้ ใกล้ๆกันนั้นมีโบสถ์อีกแห่งหนึ่งคือ โบสถ์ของนิกายออโธด็อกซ์ เป็นโบสถ์ขนาดกลาง รูปทรงคล้ายๆโดม เราไม่ได้เข้าไปดูด้านในเพราะปิด หาข้อมูลในเวปไซต์แล้วเสียดายมากเลยเชียว เพราะด้านในดูสวย มีภาพวาดสวยๆหลายภาพทีเดียว แค่เห็นภาพด้านบนตรงทางเข้ายังสวยเลยอ่ะ เป็นภาพที่ทำด้วยโมเสกประดับอยู่ สวยทีเดียว หากใครสนใจอยากเห็นภาพด้านใน ก็ดูได้ที่เวปไซต์นี้ได้เลย ดูได้แต่ภาพ อ่านไม่ออกเพราะไม่มีภาษาปะกิด Kristuksen kirkastumisen kirkko, Kajaani

โบสถ์นิกายออโธด็อกซ์


ภาพบนผนังหน้าประตูทางเข้า


จากนั้นเราก็ถ่ายรูป เดินเล่น รอให้ มชล เล่นที่สนามเด็กเล่นจนพอใจเราก็เข้าไปในตัวเมืองกันต่อ (ที่นี่ดีจังเลยนะ ไปที่ไหนก็เจอสนามเด็กเล่น) ในเมืองวันนั้นดูเงียบเหงา ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ เดินแป๊บนึงก็ทั่วแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารแบบสมัยใหม่ จะมีเหลือให้เห็นก็แค่เพียงอาคารไม้สีเหลือง ซึ่งเป็นศาลาว่าการเมืองเท่านั้น เนื่องจากได้ถูกทำลายไปในช่วงสงครามฤดูหนาว (Winter war)ในระหว่างปี 1939 –1940

เล่นก่อน




ศาลาว่าการเมือง


มชล


จากใจกลางเมือง เราเดินไปตรงแม่น้ำเพื่อไปดูซากปราสาทเก่า Kajaani Castle ( ภาษาฟินนิชชื่อว่า Kajaanin linna ) เป็นปราสาทหินที่สร้างขึ้นในสมัยที่สวีเดนเข้าครองครองเมืองนี้ ใช้เป็นป้อมปราการป้องกันเมือง ถูกทำลายไปในปี 1716ในช่วงที่รัสเซียแผ่อำนาจเข้ามา เราลงไปเดินเล่นกันพอประมาณ ที่จริงจะนั่งเล่น หรือมานั่งปิคนิคก็ใช้ได้เลย เพราะมันอยู่บนเกาะริมแม่น้ำ เหมาะแก่การนั่งกินลมชมวิวเหมือนกัน แต่เราไม่ได้นั่งกันหรอก เพราะเรามีที่หมายอื่นอยู่ในใจแล้วนั่นเอง

ซากปราสาท


โบสถ์ไม้ Paltaniemi

เป้าหมายที่ว่าคือ โบสถ์ Paltaniemi ไปดูโบสถ์อีกแล้วเจ้าค่ะ ดูจริงดูจังโบสถ์เนี่ย ก็เค้าบอกว่าสวยอีกแล้ว ถ้าไม่ไปก็จะนอนไม่หลับอีก ฮ่าๆ เป็นโบสถ์ไม้เช่นเคย ก็มีไม้เยอะนี่นะจะไปสร้างด้วยหินด้วยปูนทำไม นั่งรถดูวิวสวยๆไปอีกประมาณ 10 กิโล ก็เริ่มเห็นยอดโบสถ์รำไร ตัวโบสถ์ทาสีเหลืองสวยงาม เป็นโบสถ์ในลัทธิลูเธอร์รัน (Lutheran) สร้างเสร็จในปี 1726 จริงๆแล้วภายในดูเรียบง่าย โอ่โถง แต่ที่ทำให้โบสถ์แห่งนี้ดูพิเศษคือ ภายในเต็มไปด้วยภาพเขียนสีสันสดใส ทั้งบนเพดานและผนังด้านข้างนั่นเอง เรียกว่าไม่ต้องมีเครื่องประ ดับมากมายแต่ก็ดูอลังการได้เช่นกัน

โบสถ์ Paltaniemi


ด้านหน้า


ด้านใน


ด้านใน


ลวดลายภายใน


ภาพวาดภายใน


ภาพวาดภายใน


ภาพวาดภายใน


หลงทางแต่ไม่เสียเวลา

ชมโบสถ์เสร็จเราก็กะจะกลับบ้านดีกว่า แต่พอเลี้ยวรถออกมาก็เจอป้ายสัญญลักษณ์บอกว่าเป็นจุดท่องเที่ยว ก็เลยต้องเลี้ยวตามไปดูซะหน่อย เข้าซอยไปเรื่อยๆ เอ๊ะยังไง จากถนนกว้างๆ กลายเป็นทางแคบๆ สองข้างทางเป็นบ้านเป็นที่อยู่อาศัย ไม่เห็นมีวี่แววว่าจะเจอจุดสนใจ หรือว่าเราจะหลงทาง แต่ก็ไม่เป็นไร ไม่เจอที่ที่ต้องการมาดู แต่ได้เห็นหมู่บ้านน่ารักๆก็คุ้มแล้ว บ้านแต่ละหลังน่ารักมากๆ เป็นบ้านไม้ทั้งหมดเลย สีสันสดใส เหลือง แดง ขาว ฟ้า ยังกะลูกกวาด แถมแต่ละหลังมีพื้นที่หน้าบ้าน ตกแต่งสวนสวยงาม มีมุมนั่งเล่น มีชิงช้า มุมบาร์บีคิวด้วย โอย อยากมีแบบนี้มั่งจัง มองเลยไปหลังบ้านก็เป็นทุ่งโล่งกว้างๆ ดูเพลินตาเพลินใจจริงๆ เออ ไอ้การหลงทางนี่บางทีก็ดีเหมือนกันนะ ทำให้ได้พบเห็นสิ่งที่ดีๆ หรือสวยงามได้เช่นกัน













แล้วในที่สุดเราก็เขียนจบไปได้อีกหนึ่งวัน ฮ่าๆ

10 November 2009

Autumn in Moschau, Germany

ฤดูใบไม้ร่วงกำลังจะผ่านพ้นไป ฤดูหนาวกำลังย่างก้าวเข้ามา วันนี้ก็เลยเอาภาพสีสันของใบไม้มาเปลี่ยนบรรยากาศกันซักนิด เป็นเมืองเล็กๆในเยอรมัน อยู่ใกล้ๆบ้าน ขับรถไปชั่วโมงกว่าๆก็ถึงแล้ว ชื่อเมือง Moschau เป็นเมืองที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาเล็กๆ น่ารักมาก โรแมนติกอีกต่างหาก

2009-10-30 002


2009-10-30 006


2009-10-30 007


2009-10-30 005


2009-10-30 010


2009-10-30 014


2009-10-30 018


2009-10-30 017


2009-10-30 023


2009-10-30 024


2009-10-30 025


2009-10-30 033


2009-10-30 034


2009-10-30 038


2009-10-30 039


pano1


2009-10-30 052


2009-10-30 057


2009-10-30 061


2009-10-30 062


2009-10-30 063


2009-10-30 064


2009-10-30 067


2009-10-30 072


2009-10-30 073


2009-10-30 074


2009-10-30 076


2009-10-30 082


2009-10-30 088


2009-10-30 091


2009-10-30 092


วันถัดไปเราไปเดินเล่นชมใบไม้เปลี่ยนสีอีกเมืองนึง โปรดติดตามตอนต่อไปจ้า