27 June 2006

มิเชลเลอร์ 4 ขวบแล้วค่ะ


วันพรุ่งนี้ 28 มิย มชล ก็จะ 4 ขวบแล้ว เร็วเหมือนกันไอ้ตูดเอ๋ย มานึกดูมันก็ผ่านไปเร็วเหมือนกัน เห็นแบเบาะอยู่ไม่เท่าไหร่ แป๊บเดียวก็ 4 ขวบแล้ว ดื้อและเถียงเก่งเป็นที่สุดเลย นึกแล้วอยากให้กลับไปแบเบาะเหมือนเดิม จะได้ไม่ต้องมีปากมีเสียงอีก

ออกมาดูโลกได้แค่ 3 ชั่วโมงเอง


ตอนนี้ 6 เดือน ที่เมืองไทย


ตามธรรมเนียมก็ต้องฉลองกันหน่อย อันนี้ที่โรงเรียนเตรียมอนุบาล ทั้งฉลองวันเกิด แล้วก็อำลาเพื่อนร่วมชั้น (วุ๊ยตัวแค่นี้ก็มีการร่ำลากันด้วย)เพราะกลางสิงหาปีนี้เธอก็จะไปโรงเรียนแบบเต็มขั้นแล้ว ไปทุกวัน เก้าโมงเช้าจนถึงบ่ายสามเลย สบายแม่ล่ะไอ้ตูดเอ๊ย

เรียกไอ้ตูดเนี่ยรู้นะว่าแม่ล้อ จริงๆเธอไม่รู้หรอกว่ามันแปลว่าอะไร (รู้แต่คำสุถภาพว่า ก้น อิอิ) แต่จากน้ำเสียงที่เราเรียก เค้าก็รับรู้ได้ว่า แม่เรียกด้วยความหมั่นไส้ เธอจะไม่ชอบเลย จะรีบบอกทันทีว่า มชล ไม่ไอ้ตูด มชล น่ารักที่สุด แล้วก็มาเซ้าซี้ให้เรายอมรับว่าเธอน่ารักที่สุด ถ้าไม่รับก็จะพูดๆๆๆอยู่นั่นล่ะ จนกว่าเราจะยอมรับเธอถึงจะหยุด

สำหรับงานวันเกิดที่โรงเรียนนี้ เจ้าของงานก็จะได้นั่งตรงกลาง วันนี้มี 3 คน ก็จะได้รับแจกหมวกกันคนละใบ แล้วก็มีการร้องแฮปปี้เบิร์ดเดย์กัน เป่าเทียน แล้วก็ให้เจ้าของงานเลือกเพลงอื่นที่ตัวเองชื่นชอบมาร้องด้วย จากนั้นก็จะได้รับของขวัญจากครู เสร็จแล้ว เจ้าของวันเกิดก็จะเอาของที่แม่เตรียมไว้มาแจกเพื่อนด้วย ก็มีเม่านี้ล่ะ สำหรับภาพวันนี้ถ่ายมาไม่ได้เรื่องเลย ภาพไม่ชัด เพราะถ่ายแบบรีบๆ เด็กๆทำอะไรรวดเร็ว จับภาพไม่ทันเลย

เจ้าภาพนั่งตรงกลาง






เพื่อนๆ


เพื่อนๆ


ร้องเพลงมิคกี้เมาส์เพลงโปรดของ มชล


มชลเป่าสี่ครั้งเท่าอายุเธอเลย





แล้วก็เลือกของขวัญ หนุ่งข้างซ้ายยังไม่ถึงคิวเลย ขอร่วมด้วยคน ครูต้องปรามไว้ก่อน


แกะเร็วๆสิเธอชั้นอยากรู้ว่าเธอได้อ่ะไร




จ้องกันด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าเพื่อนได้อะไร


ครูเอาผลงานบางส่วนมารวบรวมเป็นสมุดให้ไว้เป็นที่ระลึก


แล้วก็จะเอาของขวัญมาแจกเพื่อนๆ แต่ต้องหลับตากันก่อนนะ


เอาเปิดตาได้แล้ว นี่ของเธอจ้ะ




นี่ของครูค่ะ


ฉลองเสร็จก็ได้เวลากลับบ้านพอดี วันนี้ Bryan ตามมาเล่นที่บ้านด้วย ปกติ มชล ไม่ค่อยชอบเล่นกับเด็กๆด้วยกัน เธอจะชอบเล่นกับผู้ใหญ่มากกว่า คงเป็นเพราะเป็นลูกคนเดียว ไม่ได้เข้าเนอสเซอร์รี่ อยู่กับเรามาตลอด เค้าจะเล่นกับเด็กบางคนเท่านั้น แต่เท่าที่สังเกตุดู ถ้าเจอเด็กที่ออกไปทางเอเชียด้วยกัน จะเข้ากันได้ดีเป็นพิเศษ เหมือนเค้าเจอพวกเดียวกันหรือไงก็ไม่รู้ Bryan นี่ก็ลูกเสี้ยวอินโด แม่เค้าเป็นลูกครึ่งดัชท์อินโดนีเซีย ส่วนพ่อเป็นคนอินโดนีเซีย พอเจอกันก็คลิ๊กทันทีเลย กลายเป็นเพื่อนซี้กันในห้อง มีเด็กลูกคึ่งเอเชียอีกสองสามคน มชล ก็เล่นกับเค้าได้ดีเหมือนกัน แต่เพื่อนคนดัชท์จริงๆ ก็เห็นมีอยู่คนเดียวที่เธอเล่นด้วยได้

เพื่อนซี้ Bryan เสียดายปีหน้าเราไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกันแล้ว แต่บ้านเราใกล้กัน ว่างแล้วมาเล่นกันนะ


นี่ๆ เธอเล่นไม่เป็น ชั้นสอนให้




นี่ดูซิ เค้าเก่งป่าว




พรุ่งนี้จะได้อะไรเป็นของขวัญนะ อยากรู้จริง

21 June 2006

London ตอนจบ

Day 5 14/12/05

แล้วก็มาถึงวันที่เราจะต้องเดินทางกลับบ้านกันแล้ว เครื่องออกตอนสี่โมงเย็น เราก็เลยมีเวลาที่จะเดินเที่ยวได้อีกนิดหน่อย ถ้าติดตามมาตั้งแต่ตอนแรกอาจงง เอ๊ะ ก็มาเรือแล้วไหงกลับเครื่องบิน ก็เพราะขามานั้นหมอกลงจัดเครื่องขึ้นไปได้ เราก็ยกเลิกเฉพาะขามาแต่ขากลับไม่ได้ยกเลิกไง

ก็ตื่นกันแต่เช้าแล้วก็คิดว่าจะเอาไงดี จะเช็คเอาท์แล้วฝากกระเป๋าไว้ก่อนดีมั๊ย หรือจะลากกระเป๋าเดินท่อมๆไปด้วย แต่ดูแล้วไม่ค่อยจะสนุกเลย สุดท้ายก็ไม่ฝากกระเป๋า ลากไปด้วยนี่แหละ จะได้ไม่ต้องกังวลกลับมาเอากระเป๋าอีก ดีนะที่ใบมันเล็กเลยดูไม่เป็นยัยบ้าหอบฟางเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่

เนื่องจากมันยังเช้าอยู่เราก็เลยเข้าลากกระเป๋าเข้าไปเดินเล่นในสวนไฮด์ปาร์ค แล้วก็หากาแฟกับแซนด์วิชนั่งกินกันในสวนนี่แหละ นึกว่าจะมีแต่เรานะที่ลากกระเป๋าเดินกัน มีนักท่องเที่ยวคนอื่นเค้าก็ทำแบบเราเหมือนกันด้วยล่ะ พักผ่อนชมนกชมไม้กันไปจนพอใจ ก็มุ่งหน้าไปยัง Burlington Arcade อยู่ใกล้ๆ Piccadily Circus





ทำไมต้องไปที่ Burlington Arcade ล่ะ ทั้งๆที่ย่านช๊อปปิ้งตรงนี้มีขนาดเล็กนิดเดียวเองอ่ะ สั้นๆแค่ช่วงถนนเดียวเอง ก็เพราะมันสไตล์ผู้ดีเก่าอังกฤษประมาณนั้นมั้ง ข้างหน้าทางเข้าจะมียาม 2 คน ที่แต่งตัวเต็มยศให้ความรู้สึกเหมือนกับไปอยู่ในสมัยท่านลอร์ดอะไรประมาณนี้แหละ คอยดูตรวจตาความเรียบร้อยของผู้ที่จะเข้าไปเดินในนั้น เค้าจะห้ามร้องเพลง ห้ามผิวปากหรือทำเสียงดัง เดินสบายๆไม่ต้องเร่งรีบประมาณนั้น "No hurrying,please"




นี่ไงผู้คุมซอย












จากที่นี่เราก็เดินออกมาทางด้านท้ายซอยแล้วก็มาโผล่ที่ Old Bond Street ตรงนี้จะมีร้านจิวเวอร์ลี่ชื่อดังเช่น Asprey, Tiffany และ Cartier นอกจากนั้นแถวนี้ก็ยังเป็นย่านสำนักงานของบริษัทต่างชาติเยอะแยะ รวมถึงร้านทอปดีไซน์เนอร์ทั้งหลายแหล่ เห็นมีการบินไทยของเราด้วยล่ะ ตอนนี้เราก็เดินเรื่อยเปื่อยกันแล้ว เพราะใกล้เวลาจะต้องไปสนามบิน








Cartier












จากที่นี่เราต้องนั่งรถไฟไปสนามบินชั่วโมงกว่าๆ ก็ไปกินกลางวันกันที่สนามบินแม้ไม่ใช่สนาบินฮีทโธร์แต่ก็ใหญ่โตโอ่อ่าเชียว ต้องนั่งรถไฟหรือรถรางประมาณนั้นล่ะไปที่ประตูขึ้นเครื่องด้วย หลังจากที่เราเช็คอินแล้วเราก็เข้าไปเดินเล่นในดิวตี้ฟรีกัน ได้ถุงเท้า ผ้าพันคอและหมวกกันหนาว Bob the Builder การ์ตูนโปรดมาให้ มชล ด้วย แต่ของตัวเองไมได้อ่ะ เป็นงี้ทุกทีเลย

วันนั้นเครื่องดีเลย์นิดหน่อย แต่ยังดีที่ไม่ยกเลิก ไม่งั้นคงได้นอนที่สนามบินแน่ๆเลย แล้วก็จบการเดินทางอีกครั้งนึงแล้ว รอคอยการเดินทางที่กำลังจะมาถึงใกล้ๆนี้ต่อไป ขอจบด้วยสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นสัญญลักษณ์อีกอย่างนึงของลอนดอน คือรถแท๊กซี่รูปร่างป้อมๆ มีหลากหลายสี สีแดงก็มีแต่จับภาพไม่ได้ซักที แล้วก็ตู้โทรศัพท์สีแดงแรงฤทธิ์ค่ะ