19 November 2005

อิตาลี ตอนที่ 5 Malcésine

Day8 26/08/05

วันนี้ตั้งใจว่าจะไปเมือง Malcésine ซึ่งอยู่ตอนบนของทะเลสาป จะไปขึ้นเคเลิ้ลเพื่อขึ้นไปเดินเล่นบนยอดเขา Monte Baldo ซึ่งสูงถึง 2132 เมตรจากระดับน้ำทะเล แต่ดูท่าแล้วน่าจะไม่ได้เดิน เพราะวันนี้อากาศไม่ดี ท้องฟ้าขะมุกขะมัว มีเมอกลง แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ตั้งใจจะไปก็ไปดีกว่า เผื่อว่ากลางวันอากาศอาจจะดีขึ้น ปล่อยให้ มชล ไปเล่นกับเพื่อนซักพักนึงก่อน ใกล้ 11 โฒงเราก็ออกเดินทางกัน

เราขับรถเลียบทะเลสาปไปเรื่อยๆ และไปลงเรือข้ามฟากเพื่อร่นระยะทางที่เมือง Maderno จากนั้นกขับรถต่อไปยังที่หมาย ชายฝั่งด้านตะวันออกนี้ เราว่าสวยกว่าด้านตะวันตกอีกนะ มีหาดกว้างกว่าแล้วก็เป็นหินขาวๆก้อนเล็กๆ น่ามองไปตลอดทาง ไม่นานเราก็ถึงเมือง Malcésine ก่อนจะไปขึ้นเคเบิ้ล ก็ต้องหาอะไรรองท้องกันก่อน ระหว่างที่มองหาที่กินกลางวัน เราก็อดใจที่จะไม่เดินดูเมืองไหว ก็มันน่ารักมากๆเลย แต่ก็ต้องตัดใจ เอาไว้ค่อยกลับลงมาดู ขืนชักช้าจะอดขึ้นซะเปล่าๆ แต่ชนาดว่ารีบแล้วก็เกือบบ่ายสามแล้วถึงได้ขึ้น เพราะต้องรอ มชล กินข้าว แล้วก็เดินๆๆ จะมาเดินจ้ำแบบเราก้ไม่ได้ ก็เลยต้องช้าแบบนี้แหละ

ท่าเรือที่เมือง Maderno





ฝั่งตรงข้าม Maderno

บ้านเรือนในเมือง Malcésine

กินกลางวันที่ร้านริมทางน่ารัก

เดินไปเล่นไป กว่าจะได้ขึ้นเคเบิ้ล


เคเบิ้ลที่เราจะขึ้นนี้เพิ่งสร้างเมื่อปี ค.ศ.2002 นี่เอง ค่าขึ้นไปกลับคนละ 13.50 ยูโร เป็นแบบหมุนได้รอบ 360 องศา ใช้เวลาเพียง 10 นาที ก้จะขึ้นไปถึง de Monte Baldo ข้างบนมีสองสถานี เราสามารถลงที่สถานีแรกด้านบน เพื่อหยุดเดินเล่นหรือชมวิว เรามาถึงจุดแรก ยังพอจะมองเห็นวิวข้างล่างได้มั่ง แต่ก็ไม่ชัดเจนเพราะหมอกลง หลังจากนั้นก็ขึ้นต่อไปยังสถานีบนสุด ซึ่งตรงจุดนี้จะสูง 1760 เมตรจากระดับน้ำทะเล จริงๆตั้งใจจะขึ้นไปเดินเล่นและไปให้ถึงจุดที่สูงที่สุด เพื่อไปชมวิวด้วย แต่ว่าวันนั้นเราไม่สามารถเดินไปได้ เพราะหมอกลงจัดมาก จนมองไม่เห็นป้ายบอกทางเลย อาจหลงทางหรือเดินตกเขาได้ เลยเดินได้แค่นิดหน่อยก็ต้องกลับมานั่งจิบกาแฟที่ร้านใกล้ๆสถานี แล้วก็ตัดสินใจลงมาเที่ยวในเมืองกันดีกว่า

เราจะขึ้นไปด้วยกระเช้าแบบนี้แหละ ภาพนี้จากเวปท่องเที่ยว

จุดเปลี่ยนเคเบิ้ล

กำลังจะขึ้นไปชั้นบนสุด

สถานีบนสุด ภาพนี้จากเวปท่องเที่ยว

ในเคเบิ้ล

จากที่เห็นนี้เรากำลังจะขึ้นไปสถานีบนสุดชั้นที่สอง



หมอกลงหนามาก


วิวทะเลสาปด้านมองจากด้านบน ภาพจากเวปท่องเที่ยว

ลงมาจากข้างบนนั่งพักเติมพลังกันก่อน



จากตรงนี้เดินไปก็จะเห็นทะเล

ยอดปราสาทที่เรากำลังจะไปดูกัน

มองจากทะเลเข้าไป ภาพนี้เอามาจาวเวปท่องเที่ยว



ลงมาข้างล่างแดดจ้าเชียว นั่พักกินแอปเปิ้ลกันแล้วก็เดินต่อ เราว่าเมืองนี้น่ารักกว่าทุกๆเมืองเลย ร้านค้าบ้านช่องจะอยู่บนเนินลดหลั่นสลับกันไป แค่เดินชมบ้านเราก็ไม่เบื่อเลย เอกลักษณ์ที่ขาดไม่ได้คือ การตากผ้าโดยโจ่งแจ้ง บางทีก็คร่อมถนนเลย ดูบ้านดูช่องรวมทั้งมองๆหาที่กินตอนเย็นไปด้วย จากนั้นยังมีเวลา เราก็จะไปสำรวจปราสาทริมทะเลกัน ชื่อปราสาทนี้ก็ดันจำไม่ได้ซะอีก ได้แผ่นพับข้อมูลมาด้วย แต่หาไม่เจอซะแล้วตอนนี้ ก็เลยข้ามเรื่องราวนี้ไปก็แล้วกัน เราขึ้นไปถึงด้านบนสุดด้วย ก็มาแล้วก็อยากจะดูให้มันละเอียด สองพ่อลูกรออยู่ด้านล่าง เพราะมันสูงมาก กลัวจะเอา มชล ไม่ทัน เวลาถ้าเค้าอยากทำอะไรเอง แล้วเนี่ย ห้ามไม่ฟัง แถมจะคอยวิ่งหนีอีกด้วย เลยให้อยู่ข้างล่างนั่นแหละ

ขึ้นมาแล้วก็ไม่ผิดหวังเลย จากบนยอดนี้สามารถมองเห็นวิวของเมืองนี้ สวยงามมาก ไม่ว่าจะเป็นด้านชายฝั่งทะเล หรือฝั่งทางด้านที่อยู่อาศัย เราใช้เวลาข้างบนนานพอสมควร ไม่ใช่อะไรหรอก ก็กว่าจะเดินขึ้นไปถึงนะ เหนื่อยเอาการ

ทางขึ้นปราสาท





วิวจากปราสาท

















วิวจากด้านยอดปราสาทส่วนกลาง

อาวุธไว้ยิงผู้รุกราน

สองพ่อลูกรอข้างล่าง มิสามารถปีนขึ้นมาได้

มุมหวาดเสียว กลัวตก

แบบนเนี้ย กลัวป่าว

อันนี้ตั้งใจถ่ายนกที่เกาะตามหน้าผา



ลงมาจากปราสาทแล้ว เราก็เริ่มมองหาที่กินข้าวกันล่ะ ถ้าร้านที่อยู่ด้านในๆ ส่วนมากจะเป็นแบบสแน๊คบาร์ซะมากกว่า หรือไม่งั้นก็จะเป็นร้านแบบทึม ต้องนั่งในร้าน ไม่เอาดีกว่า มันอึดอัด เดินไปรอบๆริมทะเล น่านั่งทั้งนั้นเลย แต่ๆๆๆ ราคาแพงจัง แถมคนก็เยอะมากๆเลยอ่ะ ดูมันวุ่นวาย เอ้าเดินหาต่อไป เกือบปลายหมู่บ้านแล้ว จนไปเจอร้านนึง ดูหน้าร้านท่าทางไฮโซ อาหารก็ราคาแพง คนก็ไม่เยอะด้วย แต่ที่น่าสนใจคือมีเมนูกุ้งเผาด้วย หันไปมองหน้าผู้รวมทาง แล้วบอกว่า เอาร้านนี้แหละนะ มื้อสุดท้ายที่ทะเลสาปแห่งนี้ เพราะพรุ่งนี้เราต้องไปที่ใหม่แล้ว แพงก็ช่างเหอะ อยากกินมากๆเลย เป็นอันว่าตกลง เดินเข้าไปข้างในสุด โอ บรรยากาศดีมากๆเลย ได้นั่งติดทะเลด้วย เราก็แบบเกร็งนิดๆเพราะแต่งตัวแบบโทรมๆกันเลย บริกรสุภาพมากเลย เป็นกันเอง ไม่ทำให้เราดูตัวลีบ มีการมาแนะนำพนักงานที่จะคอยดูแลโต๊ะเราด้วย เราสั่งกุ้งเผา ของบาร์ทสั่งสเต๊กเนื้อ มชล สั่งมักกะโรนี ในนั้นจะมีแต่จานใหญ่ๆ พนักงานก็ถามว่า ต้องการเป็นจานเล็กใหม่ เพราะสำหรับเด็กมันจะเยอะไป ดีมากเลยค่ะ พอถึงเครื่องดื่ม บาร์สั่งเบียร์ เรานึกกระแดะขึ้นมาหรือไงไม่รู้ สั่งไวน์ขาวค่ะ ก๊ากกกก ปกติจะกินได้แค่แก้วเดียวเท่านั้นแหละ ก็สั่งไปว่าหนึ่งแก้ว แต่พอเค้ามาเสริฟ มาเป็นเหยือกเล็กค่ะ ประมาณสองแก้วได้ ตายละหวา ต้องซัดคนเดียวด้วย เอาก็เอาวะ แล้วจะบอกว่าผลเป็นไง อิอิ

อาหารมาเสริฟแล้ว ของบาร์ทจานใหญ่เชียว ของเราก็ใหญ่นะ แต่กุ้งน่ะมีแค่หกตัวเอง แต่ยังดีที่ไมใช่ตัวกะจิ๋ว แต่อร่อยมากเลย
บาร์ทมาขอชิมด้วย เราบอกไม่ได้หรอก มีแค่นี้เองง่ะ ชั้นก็ไม่อิ่มน่ะสิ มีหวงกินด้วย ก๊ากกกกก จริงๆไม่ใช่อะไรหรอก มชล ก็จะกินด้วย สำหรับลูกไม่หวง แต่รู้งี้สั่งให้เค้าด้วยซะตอนแรกก็ดีแล้ว ฮืมๆๆ มื้อนี้ไม่เสียดายตังเลย อร่อยจริงๆ ตอนมาจ่ายตังที่เคาเตอร์ (ร้านนี้แปลก จะมาจ่ายตังที่เคาเตอร์ด้านหน้า) เค้าแถมเหล้าอะไรไม่รู้ แช่เย็นไว้นะ คนละแก้วเล็กๆ ก็ดื่มไปด้วย อึ๋ย รสขมๆหวานๆบอกไม่ถูก แต่ที่แน่ๆร้อนวาบเลย

หลังจากกินเสร็จ ก็ออกมาเดินย่อยอาการกัน ร้านค้าบางร้านยังไม่ปิด ก็เดินดูไปเรื่อย มาเจอเสื้อคลุมยีนส์ตัวยาวถึงเข่า ลดราคาด้วย อยากได้ เลยไปลอง คนขายก็ดี ซื่อสัตย์ดี เราลองแล้วเค้าบอกว่า มันใหญ่ไปนิดนึงสำหรับเธอนะ คือชอบที่เค้าไม่บังคับขายเราน่ะ โดยส่วนใหญ่เราจะเจอว่า ดีค่ะ สวยค่ะ เหมาะมากเลย ทั้งๆที่เราเห็นแล้วว่ามันไม่ได้เรื่อง แต่เราชอบมากอ่ะ แล้วมันก็แค่ว่าไหล่ตกไปนิดนึง เลยบอกว่า ไม่เป็นไร ชั้นอยากได้ เด๋วให้แม่สามีแก้ให้ก็ได้ ตกลงเราซื้อ ถึงตอนจ่ายเงิน เราจ่ายบัตรเครดิตไป แต่พอเราออกมาจากร้านแล้ว ก็กำลังจะเก็บบัตรเข้ากระเป๋า เอ๊ะ นี่มันบัตรเอทีเอ็มนี่หว่า เราหยิบผิด เพราะสองบัตรนี้หน้าตามันคล้ายๆกัน แถมสีเดียกันอีก (บัตร Postbank)ทำไมเครื่องมันรับวะ แสดงว่าผลของไวน์สองแก้ว แล้วก็เหล้าอีกแก้วเล็กๆ มันออกฤทธิ์น่ะสิ คือจริงๆ เราก็เริ่มมึนๆเบลอๆแล้วล่ะ อิอิ ส่วนที่เครื่องมันรับบัตร ก็คงเพราะมันคือบัตรเอทีเอ็มซึ่งใช้จ่ายเงินแทนการจ่ายสดได้ คือตัดบัญชีทันทีเลย แล้วมันมีตรามาสเตอร์การ์ดอยู่ด้วย มันก็เลยผ่านฉลุย สรุปก็จ่ายสดไปไม่ได้ใช้เครดิต 5555555

กลับลงมาแล้ว

มุมน่ารักๆในหมูบ้าน



นั่นล่ะที่เราปีนขึ้นไป





ในร้านอาหารริมทะเล

บรรยากาศยามเย็น



ขากลับบาร์ทดันขับหลงทางอีก ขับเพลินไม่ได้ดูป้าย เราก็เริ่มเมาแล้วก็ง่วงด้วย ก็เลยไม่ได้ช่วยดู เลยกลับถึงที่พักสี่ทุมกว่าๆ ไปถึงก็ไม่สนใจแล้ว เปลี่ยนชุดนอนเลย ทั้งแม่ทั้งลูก 55555555 มชล ดีใจมากแม่มานอนด้วย (ปกติพ่อจะพาเข้านอน)นอนกอดเราแน่นเลย


จบลงด้วยความอ่อนเพลีย