07 November 2005

อิตาลี ตอนที่ 3 Verona


Day5 23/08/05


เช้านี้ตื่นมาแดเริ่มออก ค่อยใจชื่นขึ้นหน่อยว่าคงไม่ต้องนั่งจับเจ่าอยู่แต่ในแคมปิ้ง เพราะเมื่อคืนนี้ฝนตกทั้งคืนเลย วันนี้เราจะไปเมือง Verona กัน หลังจากชมธรรมชาติมาสองวันแล้ว เมืองนี้อยู่ทางตะวันออกของทะเลสาป สีชมพูคือจุดที่เราพัก สีแดงคือเวโรนา เมืองที่เราจะไปเที่ยวกันวันนี้ เราออกเดินทางกันประมาณ 10 โมง เพราะระยะทางไม่ไกลจากที่พัก จั้งใจว่าจะขับรถเลียบทะเลสาปไปเรื่อยๆ แต่พอออกจากที่พักได้ไม่เท่าไหร่ รถเริ่มติดอีกแล้ว จึงจำใจต้องเข้าทางด่วนกัน ไม่งั้นเด๋วเวลาไม่พอชมเมือง อากาศวันนี้เริ่มดีขึ้น แม้จะมืดครึ้มเป็นบางช่วงแต่ฝนไม่ตก

ระหว่างทาง มชล ถ้า มชล เห็นสนามเด็กเล่น หรือไม้ลื่นก็จะดีใจมาก แล้วก็เรียกชี้ชวนให้ดู เค้าก็อยากเล่นตามประสาเด็ก แต่ต้องมาตะลอนกับเรา ก็สงสารเค้าเหมือนกันนะ
ไปเล่นไม้ลื่นกันเถอะ


ลักษณะเหมือนประตูเมืองเลย


หลังจากไปถึงหาที่จอดรถได้แล้ว เริ่มออกมาก็เจอกับ Palazzo Barbieri คือซิตี้ฮอลล์ the neoclassical City Hall rises สร้างในศตวรรษที่ 19 ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อ Giuseppe Barbieri เอาประวิตคร่าวๆแค่นี้พอดีกว่า

Palazzo Barbieri


ในหนังสือท่องเที่ยวเค้าบอกว่า เวโรนาเป็น เรียลอิตาลี่จริง มีประชากร 250000 คน เป็นเมืองที่มีผู้คนพลุกพล่าน มีที่ช๊อปปิ้งมากมายแต่ราคาค่อนข้างสูง ที่มีมีสิ่งก่อสร้างที่เป็นที่รู้จักคือ Arena di Verona ซึ่งมีลักษณะเดียวกันกับคลีเซี่ยมที่กรุงโรม ช่วงกลางวันเราสามารถเข้าไปชมข้างในได้ ส่วนกลางคืนจะใช้เป็นที่แสดงโอเปรา สร้างขึ้นในสใยศตวรรษที่1 ในศตรรษที่ 12 เกิดแผ่นดินไหว ทำให้ได้รับความเสียหาย ที่ตั้งก็อยู่ติดกับซิตี้ฮอลนั่นเอง

ภาพนี้ก๊อปมาจากเวปท่องเที่ยว จะได้เห็นเต็มรูป


ด้านหน้าจะมีสิ่งของและอุปรณ์ที่ใช้แสดงตอนกลางคืน



เราไม่ได้เข้าไปชมข้างในอารีน่า เพราะว่าดูจะลำบากสำหรับ มชล แล้วก็ยังมีอีกหลายๆที่ที่เรายังต้องเดินอีกเยอะ จากตรงนี้เดินต่อไปอีนิด ก็จะเข้าย่านช๊อปปิ้ง มีร้านแบรนด์เนมดังๆมากมาย เช๋น หลุยสืติ้งต๊อง กุชชี่ แล้วก็อีกหลายๆยี่ห้อ เดินจนสุดถนนร้านดัง ก็มาถึง Piazza Bra เป็นจตุรัสที่มีร้านอาหาร หรือนั่งดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ ตรงนี้มีอาคารที่เรียกว่า Casa Mazzanti ด้านบนจะมีภาพวาดลวดลายสวยงาม ถัดมาด้านข้างก็จะเป็น Domus Nova


ด้านหลังจะเป็นย่านช๊อปปิ้ง


Piazza Bra


วันนั้นพอดีมีตลาดนัด เลยไม่ได้เห็นภาพเต็มๆของเปียซ่าบรา


Casa Mazzanti






จากนั้นเราเดินต่อไปยังถนนมุ่งหน้าสู่ Casa Capuleti บ้านของดาราโอเปราชื่อดังในอดีต Julia officieel ซึ่งเป็นจุดนึงที่นักท่องเที่ยวมาดูกัน

ทางเข้าบ้านนักแสดงโอเปรา


จุดถ่ายรูป



ด้านข้างจุดถ่ายรูป ข้างบนเป็นที่ที่นักแสดงจะออกมาโบกมือทักทาย


ถนนหน้าบ้าน


จากบ้านนักแสดงโอเปรา เราเดินไปยังแม่น้ำ Adige ชมวิวริมแม่น้ำ สวยงามไปอีกแบบ ฝั่งตรงข้ามมีปราสาทอยู่ด้านบน แต่เราไม่ได้ข้ามไป เพราะถ้าจะต้องเดินกันนานมาก ไปกับลูก มันไม่สะดวกแบบนี้แหละ อะไรที่มันยากนิดหน่อยเราก็ไปไม่ได้แล้ว ต้องคำนึงถึงเค้าเป็นหลัก ถ้าไปกันเองสองคน ป่านนี้อาจจะไปลุยแล้วล่ะ

ด้านหน้าของโบสถ์แห่งหนึ่งระหว่างทางเดิน แต่เราไม่ได้แวะ


วิวริมแม่น้ำ



จากนั้นเราเดินต่อไปยังโบสถ์ Santa Matricolare ต้องเสียค่าเข้าชม 2.50 ยูโร ถ้าจะปีนขึ้นไปดูวิวด้านบน ต้องเสียค่าปีนด้วย แต่ว่าเราไม่ปีนเพราะต้องใช้เวลามาก คนคอยจะเบื่อซะก่อน ภายในมีภาพวาดต่างๆ สวยงาม ก็คุ้มที่เข้ามา (บาร์ทกับ มชล รอข้างนอก)

ทางเดินสู่โบสถ์


ด้านข้างของโบสถ์



ด้านใน





ระหว่างคอยด้านนอกต้องเอาแอปเปิ้ลมาล่อ


อะไรจะใหญ่ปานนี้ ถ่ายรูปหน่อยทำเป็นเชิด


ออกจากโบสถ์ก็สี่โมงเย็นแล้ว คงไม่มีเวลาดูที่อื่นๆอีก มชล ก็ดูจะเหนื่อยมากแล้ว เพราะเดินกับเราทั้งวัน แม้จะมีงอแงให้อุ้มบ้าง แต่ก็ยังถือว่าเดินได้เก่งมากๆ อีก พอขึ้นรถได้ก็หลับทันทีเลย อีกอย่างขากลับเราอยากไปซื้อน้ำมันมะกอกที่พิพิธภัณฑ์น้ำมันมะกอก (Olie museum) ที่เมือง Cisano ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆเลียบทะเลสาป ซึ่งเราต้องผ่านอยู่แล้ว ซึ่งที่นี่จะมีประวัติการทำน้ำมันมะกอกตั้งแต่ยุคดั้งเดิม จนถึงปัจจุบัน ระหว่างทางก็มีหลงทางมั่งเป็นเรื่องปกติ จนกระทั่งเข้าเมืองนี้แล้ว ก็ยังหาพิพิธภัณฑ์ไม่เจอ วนไปวนมาจนอ่อนใจ เมืองก้มีเท่าเนี๊ยแต่หาไม่เจอ จนต้องจอดรถถามร้านค้าแถวนั้น ถึงได้รู้ว่า มันเป็นอาคารเล็กๆริมถนนที่เราผ่านไปแบบไม่สนใจนั่นเอง ใครจะรู้อ่ะ ก็นึกว่าจะใหญ่โต ที่ไหนได้ อาคารเล้กนิดเดียวเอง ข้างในก็จะมีร้านขายผลิตภัณฑ์จากมะกอกแทบทุกชนิดให้เลือกซื้อ แล้วก็ส่วนที่จัดแสดงวิวัฒนาการของการสกัดน้ำมันมะกอก เราซื้อน้ำมันมะกอกมา 4 ขวด สำหรับตัวเอง 2 ขวด และเป็นของฝาก 2 ขวด อยากจะซื้อเป็นแกลลอน แต่ก็ยังเหลือระยะทางอีกยาวไกล แถมรถก็เต็ม เลยตัดใจไม่ซื้อ

ภาพบางส่วนในพิพิภัณฑ์




ขากลับ หลงทางอีกแล้วง่ะ บาร์ทบ่นประจำว่าป้ายถนนที่นี่ไม่เคลียร์เลย อยู่ๆก็ไม่มีป้ายซะดื้อๆ กว่าจะหาทางเข้าทางด่วนเจอก็วนไปหลายรอบ กลับถึงบ้านเกือบทุ่ม เลยทำของง่ายๆกินกัน อิอิ สปาเก็ตตี้ ระหว่างทำอาหาร บาร์ทต้องพา มชล ไปเล่นแบดมินตันกัน สงสารลุกต้องมาตะลอนๆกับเราทั้งวัน หลังกินอาหารเสร็จให้เค้าเล่นอีกหน่อย แล้วค่อยพาเข้านอน อ้อ ช่วงนี้ มชล มีเพื่อนเล่นใหม่ เป็นเด็กผู้หญิงเยอรมัน อายุ 4 ขวบกว่าๆ นั่นก็ลูกคนเดียวเหมือนกัน เลยเข้าคู่กันได้กับ มชล พุดกันไม่รู้เรื่องหรอก แต่เล่นกันได้

ในรถเธอจะเป็นเจ้านาย คอยสั่งว่าเปิดเพลงชุดนั้นชุดนี้

No comments: